|

รวมวิธีลดรอยตีนกาที่เห็นผลจริง พร้อมวิธีป้องกันจากต้นเหตุ

รวมวิธีลดรอยตีนกาที่เห็นผลจริง! พร้อมวิธีป้องกัน
เวลายิ้มกว้าง ๆ หรือหัวเราะแล้วเห็นริ้วเล็ก ๆ ที่หางตาใช่ไหมคะ นั่นแหละคือรอยตีนกา สัญญาณเล็ก ๆ ของวัยที่มักมาเร็วกว่าที่คิด แม้รอยยิ้มจะงดงาม แต่ถ้ารอยตีนกาชัดขึ้นเรื่อย ๆ หลายคนก็คงอยากหาวิธีจัดการ วันนี้ ยองโด คลินิก เราได้รวบรวมวิธีลดรอยตีนกา ที่ได้ผลจริงตั้งแต่การดูแลตัวเองง่าย ๆ ไปจนถึงทางการแพทย์ พร้อมวิธีป้องกันจากต้นเหตุ ให้ทุกคนยิ้มได้มั่นใจขึ้นแบบยาวนาน พร้อมแล้วไปดูกันเลยค่ะ!

รอยตีนกาคืออะไร เกิดขึ้นได้ยังไง?

รอยตีนกา คือริ้วรอยเล็ก ๆ ที่แตกกระจายออกจากบริเวณหางตา ลักษณะคล้ายรอยเท้าของกา ซึ่งเป็นที่มาของชื่อนั่นเองค่ะ บริเวณรอบดวงตาถือเป็นจุดที่ผิวบอบบางและบางที่สุดบนใบหน้า แถมยังมีต่อมไขมันน้อยกว่าส่วนอื่น ทำให้ผิวบริเวณนี้แห้งง่ายและเกิดรอยได้เร็วกว่าที่คิด
ในช่วงแรก รอยตีนกามักจะเห็นเฉพาะเวลายิ้ม, หัวเราะ หรือหยีตาเท่านั้น แต่เมื่อเวลาผ่านไป ปัจจัยต่าง ๆ อย่างแสงแดด, อายุที่เพิ่มขึ้น หรือแม้แต่การขยี้ตาบ่อย ๆ จะค่อย ๆ ทำให้คอลลาเจนและอิลาสตินใต้ผิวเสื่อมลง ส่งผลให้รอยที่เคยเห็นแค่ตอนยิ้ม กลายเป็นรอยลึกที่เห็นชัดแม้ไม่ได้แสดงสีหน้าเลยค่ะ

ปัจจัยหลักที่กระตุ้นให้เกิดเร็วขึ้น

รอยตีนกาไม่ได้เกิดจากอายุอย่างเดียวค่ะ แต่จริง ๆ แล้วมาจากหลายปัจจัยที่เราพบเจอในชีวิตประจำวันนี่แหละค่ะ นั่นก็คือ
  • แสงแดดและรังสี UV
    นี่คือศัตรูตัวฉกาจของผิวเลยค่ะ เพราะรังสี UVA และ UVB สามารถทำลายคอลลาเจนและอิลาสตินใต้ผิว ทำให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่น, เหี่ยวย่น และเกิดริ้วรอยได้ง่าย โดยเฉพาะบริเวณหางตาที่บอบบางอยู่แล้ว ยิ่งเวลาเราเจอแดดจ้า ๆ แล้วต้องหยีตาบ่อย ก็ยิ่งทำให้รอยตีนกามาไวกว่าเดิมอีกด้วยค่ะ
  • การแสดงสีหน้า
    ไม่ว่าจะยิ้ม, หัวเราะ, ขมวดคิ้ว หรือหยีตา กล้ามเนื้อรอบดวงตาจะขยับซ้ำ ๆ ตลอดเวลา ซึ่งพอทำบ่อย ๆ เป็นเวลาหลายปี ก็เหมือนการพับกระดาษซ้ำตรงจุดเดิม สุดท้ายก็จะกลายเป็นรอยพับถาวรขึ้นมาค่ะ
  • พักผ่อนน้อย
    ช่วงเวลานอนคือช่วงที่ผิวได้ซ่อมแซมตัวเอง แต่ถ้าเรานอนน้อย ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนความเครียด (Cortisol) ออกมา ซึ่งเจ้าฮอร์โมนนี้จะไปเร่งให้คอลลาเจนเสื่อมสภาพ ผิวก็จะดูโทรม, หมอง และริ้วรอยก็จะเห็นชัดขึ้นกว่าเดิมค่ะ
  • ผิวแห้ง ขาดความชุ่มชื้น
    อย่างที่บอกไปว่าผิวรอบดวงตาแทบไม่มีต่อมไขมันเลยค่ะ ทำให้สูญเสียความชุ่มชื้นได้ง่ายมาก เมื่อผิวแห้งก็เหมือนดินขาดน้ำ แตกเป็นรอยตื้น ๆ ได้ง่าย หากปล่อยไว้นานโดยไม่บำรุงให้ชุ่มชื้น รอยเหล่านี้ก็อาจลึกขึ้นจนกลายเป็นตีนกาถาวรได้ค่ะ
  • สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์
    สองพฤติกรรมนี้ถือเป็นตัวเร่งความแก่ชั้นดี เพราะสารพิษในควันบุหรี่และแอลกอฮอล์จะสร้างอนุมูลอิสระที่ไปทำลายเซลล์ผิวและคอลลาเจน แถมยังทำให้เลือดไปเลี้ยงผิวได้น้อยลง ส่งผลให้ผิวหมอง, เหี่ยวง่าย และขาดความเปล่งปลั่งค่ะ
โบท็อกซ์ลดริ้วรอยหลายจุด ก่อน-หลัง
โบท็อกซ์ลดริ้วรอยตีนกาและใต้ตา

ปรึกษากับแพทย์หรือที่ปรึกษาความงาม

ติดต่อผ่านโทรศัพท์-สาขาปราจีน-02
ติดต่อ Line-04
ติดต่อ Messenger-03

วิธีลดรอยตีนกาให้เห็นผลจริง

วิธีลดรอยตีนกามีหลายวิธีค่ะ ตั้งแต่การบำรุงเบื้องต้นไปจนถึงการพึ่งพาเทคโนโลยีทางการแพทย์ ซึ่งแต่ละวิธีก็เหมาะกับความลึกของรอยที่แตกต่างกันไปค่ะ

1. บำรุงรอบดวงตาด้วย Eye Cream

การทา Eye Cream ถือเป็นขั้นตอนพื้นฐานที่ช่วยให้ผิวรอบดวงตาแข็งแรงและดูอ่อนเยาว์ขึ้นค่ะ แม้อายครีมจะไม่สามารถลบร่องลึกให้หายไปทันที แต่ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยใหม่ และทำให้รอยตื้น ๆ ดูจางลงได้อย่างเห็นผล
เวลาเลือกอายครีม ควรดูส่วนผสมสำคัญอย่าง เรตินอล (Retinol) หรือวิตามินเอ ที่ช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวและสร้างคอลลาเจน รวมถึงไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) ที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวดูอิ่มฟู, เปปไทด์ (Peptides) ที่เสริมความยืดหยุ่นของผิว และวิตามินซี (Vitamin C) ที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระและปรับให้ผิวรอบดวงตาดูกระจ่างใสขึ้นค่ะ
เคล็ดลับง่าย ๆ คือควรทาเป็นประจำทั้งเช้าและก่อนนอน ใช้นิ้วนางแตะเบา ๆ ไม่ถูแรง เพื่อไม่ให้ผิวบริเวณนั้นยืดหรือเกิดรอยเพิ่มค่ะ

2. ทำทรีตเมนต์หรือเลเซอร์ฟื้นฟูผิวรอบดวงตา

สำหรับคนที่ต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจนกว่าการทาครีม การทำทรีตเมนต์หรือใช้พลังงานคลื่นต่างๆ ก็เป็นทางเลือกที่ดีค่ะ โดยจะเน้นไปที่การกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่จากใต้ผิว
  • HIFU / Ulthera ใช้พลังงานคลื่นเสียงยิงลงไปใต้ผิวเพื่อยกกระชับ ช่วยให้หางตาที่ตกดูกระชับขึ้น
  • RF Microneedling (เช่น Morpheus8) ใช้เข็มเล็กๆ ส่งพลังงานคลื่นวิทยุลงไปกระตุ้นคอลลาเจนในผิวชั้นลึก ช่วยให้ผิวฟูขึ้น รอยตื้นๆ ดูดีขึ้น
  • Pico Laser นอกจากจะช่วยเรื่องเม็ดสีแล้ว ยังสามารถกระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิว ทำให้ริ้วรอยตื้นๆ ดูจางลงและผิวเรียบเนียนขึ้นได้

3. ใช้มาส์กตาหรือเจลประคบเย็นเป็นประจำ

วิธีนี้อาจไม่ถึงขั้นลบรอยตีนกาได้ถาวร แต่ถือเป็นตัวช่วยเร่งด่วนที่ช่วยให้ผิวรอบดวงตาดูสดใสและเรียบเนียนขึ้นได้ทันทีหลังใช้ค่ะ การมาส์กตาจะช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวรอบดวงตาแบบเร่งด่วน ทำให้ริ้วรอยตื้น ๆ ดูจางลงชั่วคราว ส่วนการใช้เจลประคบเย็นก็ช่วยลดอาการบวมและรอยคล้ำใต้ตาได้ดีมาก ช่วยให้ดวงตาดูสดชื่นและพักผ่อนเพียงพอขึ้นทันตาเลยค่ะ

4. ปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน

ต่อให้ใช้ครีมดีแค่ไหน แต่ถ้ายังมีพฤติกรรมเดิม ๆ รอยตีนกาก็กลับมาได้ค่ะ ลองเริ่มปรับพฤติกรรมเล็ก ๆ เหล่านี้ดูนะคะ
  • นอนให้เพียงพอ วันละ 7-8 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายและผิวได้ซ่อมแซมตัวเองเต็มที่
  • ดื่มน้ำเยอะ ๆ เติมความชุ่มชื้นจากภายใน ช่วยให้ผิวรอบดวงตาดูอิ่มฟูขึ้น
  • หลีกเลี่ยงบุหรี่และแอลกอฮอล์ เพราะทั้งคู่จะเร่งให้คอลลาเจนเสื่อม ทำให้ผิวร่วงโรยเร็วขึ้น
  • ไม่ขยี้ตาแรง ๆ ผิวรอบดวงตาบอบบางมาก การขยี้แรง ๆ จะทำให้คอลลาเจนเสียหายและเกิดริ้วรอยได้ง่าย
โบท็อกซ์ลดรอยตีนกา ก่อนทำ
โบท็อกซ์ลดริ้วรอยใต้ตา ก่อนทำ

5. ฉีดโบท็อกซ์ ลดรอยตีนกา

วิธีนี้ถือเป็นทางเลือกที่ตรงจุดเลยค่ะ สำหรับรอยตีนกาที่เกิดจากการแสดงสีหน้า เพราะรอยลักษณะนี้ไม่ได้เกิดจากผิวแห้ง แต่เกิดจากกล้ามเนื้อรอบดวงตาที่หดตัวซ้ำ ๆ จนเกิดเป็นรอยพับบนผิว โบท็อกซ์ (Botulinum Toxin) จะช่วยคลายการทำงานของกล้ามเนื้อส่วนนั้น ทำให้ผิวรอบดวงตาดูเรียบขึ้น และลดการเกิดรอยใหม่ในอนาคตได้ด้วยค่ะ จุดเด่นของการฉีดโบท็อกซ์ลดรอยตีนกา
  • เห็นผลเร็วและชัดเจน ประมาณ 1-2 สัปดาห์หลังฉีด เวลายิ้มจะเห็นว่ารอยตีนกาจางลงอย่างเป็นธรรมชาติ
  • ช่วยชะลอร่องลึกถาวร เพราะโบท็อกซ์ช่วยลดการขยับของกล้ามเนื้อ จึงลดโอกาสที่รอยจะลึกขึ้นในระยะยาว
  • ดูเป็นธรรมชาติ ไม่แข็งตึง แพทย์ที่มีประสบการณ์จะออกแบบปริมาณและจุดฉีดให้พอดี ทำให้หน้ายังยิ้มได้ ไม่แข็งทื่อ
  • อยู่ได้นานประมาณ 4-6 เดือน ก่อนที่กล้ามเนื้อจะเริ่มกลับมาทำงานตามปกติ
สำหรับใครที่อยากลดรอยตีนกาให้เห็นผล พร้อมปรับใบหน้าโดยรวมให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้น โปรแกรมโบท็อกซ์ริ้วรอย 3 จุด ก็เป็นอีกตัวเลือกยอดนิยมค่ะ เพราะช่วยจัดการทั้งรอยตีนกา, หน้าผาก และหว่างคิ้วได้ในครั้งเดียวเลยค่ะ
ฟิลเลอร์ใต้ตาสำหรับร่องลึก

ปรึกษากับแพทย์หรือที่ปรึกษาความงาม

ติดต่อผ่านโทรศัพท์-สาขาปราจีน-02
ติดต่อ Line-04
ติดต่อ Messenger-03

6. ฟิลเลอร์เติมร่องใต้ตาและหางตา

การเติมฟิลเลอร์ (Filler) ก็เหมือนการซ่อมแซมร่องลึกที่เกิดขึ้นแล้วค่ะ วิธีนี้เหมาะกับรอยตีนกาแบบถาวรหรือรอยที่เห็นชัดแม้ไม่ได้ยิ้ม ซึ่งมักเกิดจากการยุบตัวของผิวหรือกระดูกใต้ตาตามวัย ฟิลเลอร์ที่ใช้ส่วนใหญ่จะเป็นสารไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid – HA) ที่เข้าไปเติมเต็มในส่วนที่ขาดหาย ทำให้ผิวบริเวณนั้นดูเรียบเนียนและอิ่มฟูขึ้นทันที จุดเด่นของการฉีดฟิลเลอร์ลดรอยตีนกา
  • เห็นผลชัดเจนหลังทำ  ร่องลึกจะดูตื้นขึ้น ผิวบริเวณหางตาดูสดใสขึ้นอย่างชัดเจนค่ะ
  • แก้ปัญหาที่ต้นเหตุอย่างตรงจุด  ฟิลเลอร์ไม่ได้แค่เติมตรงรอยเท่านั้น แต่แพทย์จะประเมินสาเหตุอย่างละเอียด เช่น การยุบตัวของใต้ตาหรือขมับ แล้วเลือกฉีดในจุดที่ช่วย “พยุงผิว” ให้ตึงกระชับขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
  • ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ ไม่แข็งหรือบวม  ถ้าทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ จะได้ผลลัพธ์ที่กลมกลืนกับใบหน้า ยิ้มได้เต็มที่โดยไม่ดูหลอกตา

7. Skin Boosters

ถ้าใครยังไม่อยากฉีดโบท็อกซ์หรือฟิลเลอร์ แต่รู้สึกว่าผิวรอบดวงตาเริ่มแห้ง, เหี่ยว หรือมีริ้วรอยเล็ก ๆ กลุ่ม Skin Boosters ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจมากค่ะ
หัตถการกลุ่มนี้ เช่น Rejuran (รีจูรัน), เมโสหน้าใส หรือสารเติมความชุ่มชื้นกลุ่ม HA โมเลกุลเล็กอย่าง Juvelook ใต้ตา จะช่วยฟื้นฟูคุณภาพผิวโดยตรง ด้วยการเติมสารบำรุงและความชุ่มชื้นเข้าสู่ผิวชั้นตื้น กระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจนใหม่ หลังทำผิวรอบดวงตาจะดูอิ่มฟู เรียบเนียน และแข็งแรงขึ้น ริ้วรอยตื้น ๆ ก็จะค่อย ๆ จางลงอย่างเป็นธรรมชาติ เหมาะมากสำหรับคนที่อยากให้ผิวดูสดใสขึ้นโดยไม่ต้องเปลี่ยนรูปหน้าเลยค่ะ
การระบุรอยตีนกาและปัญหาใต้ตา
โบท็อกซ์ลดรอยตีนกา หลังทำ

ปรึกษากับแพทย์หรือที่ปรึกษาความงาม

ติดต่อผ่านโทรศัพท์-สาขาปราจีน-02
ติดต่อ Line-04
ติดต่อ Messenger-03

วิธีป้องกันรอยตีนกา

เรารู้วิธีแก้แล้ว แต่สิ่งที่ดีที่สุดคือการป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้น หรือชะลอให้มันมาเยือนช้าที่สุดค่ะ ซึ่งทำได้ง่าย ๆ ดังนี้ค่ะ
  • ทาครีมกันแดดรอบดวงตา
    นี่คือสิ่งที่ต้องทำทุกวันค่ะ เพราะรังสี UVA สามารถทำร้ายผิวได้ ผิวรอบดวงตาบอบบางมากและเสื่อมสภาพได้ง่ายจากแสงแดด ควรเลือกครีมกันแดดสูตรอ่อนโยนสำหรับรอบดวงตา ใช้นิ้วนางแตะเบา ๆ ให้ทั่ว ห้ามถูแรงเด็ดขาดนะคะ เดี๋ยวจะมีรอยเพิ่มขึ้นได้
  • ใส่แว่นกันแดดเมื่อออกกลางแจ้ง
    แว่นกันแดดช่วยทั้งป้องกันรังสี UV และลดการหยีตาซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของรอยตีนกาได้ค่ะ ควรเลือกแว่นที่มีสัญลักษณ์ “UV 400” หรือ “ป้องกัน UVA/UVB 100%” และควรเป็นทรงใหญ่หรือแนบกับใบหน้า เพื่อป้องกันแสงได้รอบด้านค่ะ 
  • รับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ
    บำรุงผิวจากภายในก็สำคัญไม่แพ้กันค่ะ ควรเน้นอาหารที่ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ผิว เช่น
  • ผักใบเขียว คะน้า, บรอกโคลี, ปวยเล้ง ช่วยเสริมคอลลาเจนและฟื้นฟูผิว
  • ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่, สตรอว์เบอร์รี่, ราสป์เบอร์รี่ เต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ
  • อะโวคาโดและถั่วต่าง ๆ อุดมไปด้วยวิตามิน E และไขมันดี ช่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื้น
  • ปลาทะเลน้ำลึก เช่น แซลมอน, ซาร์ดีน, ทูน่า มีโอเมก้า 3 ที่ช่วยลดการอักเสบของผิว
  • และอย่าลืมดื่มน้ำให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว เพราะผิวที่ขาดน้ำจะแห้งและทำให้ริ้วรอยเล็ก ๆ ดูชัดขึ้นได้ง่ายค่ะ
  • หลีกเลี่ยงพฤติกรรมทำร้ายผิว
    การขยี้ตาแรง ๆ ผิวรอบดวงตาจะยืด, คล้ำ และเกิดริ้วรอยถาวรได้ง่ายมาก รวมถึงตอนเช็ดเครื่องสำอางก็ต้องเบามือ และหากใครชอบนอนตะแคงหรือคว่ำหน้าบ่อย ๆ ก็อาจทำให้เกิดริ้วรอยจากการนอนทับได้ ลองฝึกนอนหงายหรือใช้ปลอกหมอนผ้าไหมแทนจะช่วยลดแรงเสียดสีได้ดีเลยค่ะ

สรุป

วิธีลดรอยตีนกาอย่างได้ผลตั้งแต่การใช้อายครีมเป็นประจำ, การทำเลเซอร์หรือทรีตเมนต์ ไปจนถึงหัตถการที่แก้ได้ตรงจุดอย่างโบท็อกซ์ สำหรับรอยเวลายิ้ม และฟิลเลอร์ สำหรับร่องลึกถาวร และอย่าลืมดูแลผิวรอบดวงตาในทุกวัน ทั้งการทาครีมกันแดด, ใส่แว่นกันแดด และหลีกเลี่ยงการขยี้ตา เพราะการป้องกันคือวิธีที่ช่วยชะลอริ้วรอยได้ดีที่สุด หากยังไม่แน่ใจว่าควรแก้ไขด้วยวิธีไหนดี แนะนำให้ปรึกษาคุณหมอเฉพาะทางที่ ยองโด คลินิก เลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นโบท็อกซ์, ฟิลเลอร์ หรือ Skin Booster เพื่อให้ทุกคนกลับมายิ้มได้อย่างมั่นใจอีกครั้ง โดยไม่ต้องกังวลกับริ้วรอยรอบดวงตาอีกต่อไป ทักหาเราได้เลยค่าา!

FAQ

ไม่หายเองค่ะ โดยเฉพาะรอยตีนกาที่เป็นร่องลึกถาวร ผิวไม่สามารถฟื้นกลับมาเรียบเนียนได้เอง และมักชัดขึ้นเมื่ออายุมากขึ้นหรือโดนแดดบ่อย วิธีที่ช่วยได้ เช่น โบท็อกซ์ เพื่อลดรอยเวลายิ้ม, ฟิลเลอร์ เติมเต็มร่องลึก ช่วยฟื้นฟูผิวให้ชุ่มชื้นและทำให้รอยตื้นขึ้นได้ค่ะ

เริ่มได้เลยตั้งแต่อายุ 20 ต้น ๆ เลยค่ะ อย่ารอให้รอยมาก่อนการป้องกันย่อมดีกว่าการรักษาเสมอ อาจจะเน้นอายครีมที่ให้ความชุ่มชื้นเพื่อป้องกันผิวแห้ง พอเริ่มเข้าใกล้ 30 ค่อยขยับไปใช้สูตรที่มีส่วนผสมในการลดริ้วรอย เช่น Retinol หรือ Peptides ค่ะ

ช่วยได้ดีมากค่ะ โดยเฉพาะรอยตีนกาที่เกิดขึ้นเวลาเรายิ้มหรือแสดงสีหน้า โบท็อกซ์จะเข้าไปคลายกล้ามเนื้อ ทำให้ผิวบริเวณนั้นไม่ย่นตามไปด้วย ผลลัพธ์จะเริ่มเห็นชัดใน 1-2 สัปดาห์ และโดยทั่วไปจะอยู่ได้นานประมาณ 4-6 เดือน หลังจากนั้นก็สามารถมาฉีดซ้ำได้ค่ะ

ใช้ได้ค่ะ แต่ต้องเลือกอย่างระมัดระวังเป็นพิเศษ ควรมองหาผลิตภัณฑ์สำหรับผิวแพ้ง่าย และปราศจากน้ำหอมและแอลกอฮอล์ และควรทดสอบการแพ้ที่บริเวณท้องแขนหรือหลังหูก่อน 24-48 ชั่วโมงค่ะ

สำหรับรอยลึกมากที่เห็นชัดแม้จะไม่ได้ยิ้ม การทาครีมอย่างเดียวมักจะไม่เห็นผลค่ะ วิธีที่เห็นผลเร็วและตรงจุดที่สุด นั่นคือ
  • ฉีดโบท็อกซ์ เพื่อหยุดการทำงานของกล้ามเนื้อ ไม่ให้รอยลึกไปกว่าเดิม
  • ฉีดฟิลเลอร์ เพื่อเติมเต็มร่องลึกที่เกิดขึ้นถาวรแล้วให้ตื้นขึ้น การทำสองอย่างนี้ควบคู่กันจะให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและรวดเร็วที่สุดสำหรับเคสที่เป็นร่องลึกค่ะ

ปรึกษากับแพทย์หรือที่ปรึกษาความงาม

ติดต่อผ่านโทรศัพท์-สาขาปราจีน-02
ติดต่อ Line-04
ติดต่อ Messenger-03