ปกเว็บฟิลเลอร์

ฟิลเลอร์คืออะไร?

ฟิลเลอร์ (Filler) คือสารสังเคราะห์ที่มีความคงตัวสูง สลายได้เองตามธรรมชาติและก่อให้เกิดอาการแพ้น้อย โดยสารที่นิยมใช้ในปัจจุบัน คือกรดไฮยาลูรอนิค (Hyaluronic Acid) หรือเอชเอ (HA) เป็นสารที่พบได้ในชั้นผิวปกติและจะมีปริมาณลดลงเมื่ออายุมากขึ้น ดังนั้นในทางการแพทย์จึงมีการคิดค้น ไฮยาลูรอนิค (Hyaluronic) สังเคราะห์ขึ้นมา เพื่อใช้ฉีดเติมเต็มเข้าไปในชั้นผิวเพื่อทดแทนเส้นใยคอลลาเจนที่สลายไป ช่วยในการเติมเต็มรูปหน้า เติมร่องลึกต่างๆ และปรับรูปหน้าให้สมส่วนมากยิ่งขึ้น

ฟิลเลอร์ อันตรายไหม?

ฟิลเลอร์ ชนิดเดียวที่ปลอดภัยที่สุดและผ่านการรับรองคือ Hyaluronic Acid โดยองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (US FDA) ได้อนุมัติว่า Hyaluronic Acid เป็นสารที่มีความปลอดภัย นิยมใช้ในวงการแพทย์และด้านความงามอย่างแพร่หลาย ฉีดแล้วสามารถสลายหมด 100% ไม่มีสารตกค้าง ฉีดใหม่ได้เรื่อย ๆ โดยไม่เป็นอันตราย

ฟิลเลอร์ (Filler) ในทางการแพทย์

หมายถึงการฉีดสารเติมเต็ม (Injectible Filler) ทุกชนิดครับ ในต่างประเทศแบ่งออกได้ 4 ประเภท ดังนี้
  • HA (Hyaluronic Acid) ปลอดภัย สลายหมด มีการใช้อย่างแพร่หลายทั่วโลก
  • Collagen จากสัตว์ ปัจจุบันไม่นิยมใช้เนื่องจากมีอาการแพ้ฟิลเลอร์ บวมแดงได้ง่าย
  • Transplanted Fat หรือการฉีดไขมัน จะเหมาะกับคนที่ต้องการฉีดครั้งละมาก ๆ 10-20 CC
  • Biosynthetic polymers เป็นกลุ่มของซิลิโคนเหลว ไม่สลาย ไม่ปลอดภัยและไม่ผ่านอย.
ในไทยฟิลเลอร์แท้ Hyaluronic Acid ที่ผ่านอย. มีหลายยี่ห้อ แพทย์จะประเมินและเลือกใช้ฟิลเลอร์ตัวที่เหมาะกับบริเวณที่คนไข้ต้องการแก้ปัญหา เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาสวยงามและเป็นธรรมชาติที่สุด
การฉีดฟิลเลอร์ ไม่ใช่หัตถการที่อันตรายหรือมีความเสี่ยงสูง แต่ต้องเลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐาน ใช้ฟิลเลอร์แท้ หมอมีประสบการณ์และใช้เทคนิคการฉีดที่ถูกต้อง เพื่อความปลอดภัย

ฟิลเลอร์ฉีดจุดไหนได้บ้าง?

การฉีดฟิลเลอร์สามารถฉีดได้หลายตำแหน่ง แล้วแต่ว่ามีปัญหาริ้วรอย ร่องลึก หรือต้องการเสริมบริเวณไหนบ้าง สำหรับบนใบหน้ามี 7 จุด ที่ ฉีดฟิลเลอร์ แล้วเห็นผลการเปลี่ยนแปลงชัดเจนที่สุด

1. ฟิลเลอร์ใต้ตา

เมื่อเราอายุมากขึ้นกระดูกใต้ตาจะยุบตัวลง เนื้อน้อยลง ทำให้ผิวหนังหย่อนคล้อย สามารถแก้ไขได้ด้วยการเติมฟิลเลอร์ใต้ตา จะช่วยให้หน้าดูเด็กลง ใต้ตาสดใสขึ้น

2. ฟิลเลอร์คาง

ช่วยปรับรูปหน้าให้สมมาตรหรือหน้าเรียววีเชฟ ถ้าฉีดด้วยเทคนิคที่ถูกต้องก็จะได้ผลดี เป็นธรรมชาติไม่แพ้การผ่าตัดศัลยกรรมเสริมคาง

3. ฟิลเลอร์ร่องแก้ม

การมีร่องแก้มลึกจะทำให้หน้าดูแก่กว่าวัย สามารถแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุดด้วยการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ซึ่งมีหลายเทคนิค หมอจะประเมินว่าคนไข้แต่ละคนเหมาะกับเทคนิคไหน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ดีที่สุด

4. ฟิลเลอร์ปาก

สำหรับคนที่อยากเปลี่ยนทรงปาก มีริมฝีปากบาง มีริ้วรอยบริเวณขอบปาก ปากแห้ง สามารถใช้การเติมฟิลเลอร์ปากช่วยได้ โดยใช้เพียง 1 CC ก็เห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจน

5. ฟิลเลอร์ขมับ

การเติมฟิลเลอร์ขมับ คือจุดสำคัญในการปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วนเข้ารูปมากขึ้น และเป็นที่นิยมสำหรับคนที่ต้องการเสริมโหงวเฮ้ง ไม่ว่าด้านการค้าขายหรือธุรกิจ มีความเชื่อว่าจะทำให้รับทรัพย์มากขึ้น มีคนช่วยอุปถัมภ์

6. ฟิลเลอร์หน้าผาก

การเติมฟิลเลอร์หน้าผาก ก็เป็นอีกส่วนที่ช่วยในการปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วนสวย เป็นที่นิยมในคนที่ต้องการเสริมโหงวเฮ้งและไม่อยากผ่าตัด ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ เห็นผลทันทีหลังทำ

7. ฟิลเลอร์จมูก

เหมาะกับคนที่กลัวการผ่าตัดมาก ๆ ไม่มีเวลาพักฟื้น และต้องมีฐานจมูกอยู่บ้างแล้ว ต้องการฉีดเพื่อให้สันจมูกหรือปลายจมูกคมขึ้นเพียงเล็กน้อย จะให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ

ปรึกษากับแพทย์หรือที่ปรึกษาความงาม

ฟิลเลอร์ใต้ตา คืออะไร ?

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา คือ การเติมสารไฮยาลูรอนิค เข้าไปในบริเวณใต้ตาที่มีปัญหาริ้วรอย ใต้ตาดำคล้ำ ถุงใต้ตา โดยเมื่อคนเราอายุมากขึ้นกระดูกจะยุบตัวลง เนื้อน้อยลง ทำให้ผิวหนังหย่อนคล้อย หน้าดูโทรม อ่อนล้า เกิดเป็นร่องรอยใต้ตา ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะช่วยให้ใบหน้ากลับมาสดใส อ่อนเยาว์อีกครั้ง

ปัญหาใต้ตา เกิดจากสาเหตุใด ?

ปัญหาร่องใต้ตา สาเหตุเกิดจากส่วน Tear Through ที่อยู่ใกล้ร่องน้ำตา กับ Hollow Under Eye ตรงเบ้าตา เกิดการยุบตัวลงเมื่ออายุมากขึ้น อาจจะเป็นส่วนเดียวหรือทั้งสองส่วนก็ได้ หากจะฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา หมอจะต้องประเมินปัญหาให้ชัดเจน เพื่อแก้ไขอย่างตรงจุดครับ
นอกจากปัญหาเรื่องอายุที่มากขึ้น คนที่อายุน้อย ๆ ก็มีปัญหาใต้ตาได้เช่นกัน เนื่องมาจากพันธุกรรม ภูมิแพ้ หรือการเจริญเติบโตของกระดูกช่วงเบ้าตาและใต้ตาไม่ดี ทำให้เกิดถุงใต้ตา ร่องใต้ตา และยังมีปัญหาจาการใช้สายตาที่ไม่ถูกต้อง ทำให้กล้ามเนื้อรอบดวงตาหย่อนยานและมีริ้วรอยก่อนวัย

วิธีแก้ไขปัญหาใต้ตาคล้ำ ถุงใต้ตา ริ้วรอย

  • การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นการแก้ปัญหาใต้ตาที่ตรงจุดที่สุด ทั้งริ้วรอย ผิวหย่อนคล้อย ขอบตาดำ หลังฉีดเห็นผลทันที เป็นหัตถการที่ไม่มีแผลและมีความเป็นธรรมชาติมาก ช่วยให้หน้าเด็กลง ผิวชุ่มชื้น ดูสดใสขึ้น
  • ครีมบำรุงใต้ตา สำหรับการทาครีม หมอเชื่อว่าเป็นตัวเลือกแรก ๆ ที่คนจะเลือกใช้เพื่อแก้ปัญหาใต้ตาครับ แต่จริง ๆ แล้วการทาครีมต้องใช้ระยะเวลาและความสม่ำเสมอ ต้องรอครีมค่อย ๆ ซึมลงไปในผิว เห็นผลไม่ชัดเจนและใช้เวลานาน
  • ดูดไขมันใต้ตา เหมาะกับคนที่ถุงใต้ตาเป็นไขมันนูนออกมา ซึ่งการดูดไขมันใต้ตา จะมีแผล 3-5 mm และไม่เหมาะกับคนที่มีผิวใต้ตาหย่อนคล้อยมาก ๆ
  • FILORGA เป็นการฉีดเมโสหน้าใส สามารถใช้แก้ปัญหาใต้ตาคล้ำ ขอบตาดำ ผิวแห้ง ให้กลับมาชุ่มชื้น อิ่มฟูขึ้น มีส่วนผสมของ HA และวิตามินต่าง ๆ มีจุดเด่นในการบำรุงผิวมากกว่าแก้ปัญหาริ้วรอยหรือร่องลึกใต้ตา
  • ไหมน้ำใต้ตา เป็นไหมที่ใช้ฉีด จริง ๆ แล้วเป็นวัสดุ polydioxanone เหมือนกับไหมเส้นที่ใช้ร้อยเพื่อดึง แต่เป็นการเอาไหมเส้นมาตัดเป็น particle เล็ก ๆ แล้วละลายในน้ำ ใช้เติมแทนฟิลเลอร์ หมอยังไม่แนะนำให้ใช้ และยังไม่ผ่าน อย. ครับ
  • เลเซอร์ตัดถุงใต้ตา เป็นการแก้ปัญหาถุงใต้ตาโดยใช้เทคนิคตัดถุงไขมันส่วนเกินจากด้านในเปลือกตาด้วยไมโครเลเซอร์ วิธีนี้จะไม่มีแผลที่ด้านนอก เหมาะกับคนที่อายุน้อย ไม่มีผิวใต้ตาหย่อนคล้อย
  • ไซโตแคร์ (Cytocare) เป็นการฉีดสารบำรุงผิวแบบเข้มข้น ช่วยกระตุ้นคอลลาเจน ทำให้ผิวอุ้มน้ำและมีความชุ่มชื้นมากขึ้น ฟื้นฟูผิวใต้ตาให้กระจ่างใส แต่ก็จะอยู่ได้สั้นกว่าฟิลเลอร์ และต้องฉีดซ้ำบ่อย ๆ

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ?

  • ช่วยแก้ปัญหา ริ้วรอยใต้ตา รอยตีนกา มีลักษณะเป็นรอยเหี่ยวย่นใต้ตา และรอบๆ ดวงตา ทำให้หน้าดูมีอายุ
  • ช่วยแก้ปัญหา ขอบตาดำ ใต้ตาคล้ำ เป็นวงคล้ำรอบดวงตาและจะเห็นชัดบริเวณใต้ตา ทำให้หน้าดูอ่อนล้า
  • ช่วยแก้ปัญหา ถุงใต้ตา ใต้ตาหย่อนคล้อย การมีถุงใต้ตาจะทำให้ปัญหาริ้วรอยและร่องใต้ตาเห็นชัดขึ้น
  • ช่วยแก้ปัญหา เบ้าตาลึก ตาโหล เกิดจากการยุบตัวของกระดูกใต้ตา และการสลายตัวของเนื้อเยื่อ

ถุงใต้ตาแบบไหนไม่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ?

ปัญหาถุงใต้ตา แบ่งออกเป็น 2 ประเภทครับ
1. ปัญหาถุงใต้ตาเทียม เกิดจากพฤติกรรมที่ทำให้ถุงใต้ตาบวมขึ้น เช่น การขยี้ตา การร้องไห้ ใช้สายตามากเกินไป หรือมีความเครียดสูง
2. ปัญหาถุงใต้ตาแท้ เกิดจากผนังกั้นเปลือกตาล่างอ่อนแอลง ทำให้ไขมันใต้ตาหย่อนเป็นถุงใต้ตา และการเสื่อมสภาพของผิว เมื่ออายุมากขึ้น กระดูกใต้ตายุบตัว เนื้อเยื่อใต้ผิวหนังใต้ตายืดออกมาก ทำให้เป็นลักษณะของถุงใต้ตาที่เป็นผิวหย่อนคล้อย

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา VS ฉีดไขมันใต้ตา

ฟิลเลอร์ใต้ตา

  • ฟิลเลอร์ใต้ตา ฉีดโดยใช้สารเติมเต็มประเภท HA ที่ปลอดภัย
  • ฟิลเลอร์ใต้ตา หลังทำเห็นผลลัพธ์ทันที
  • ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาใช้เวลาทำไม่นาน เจ็บน้อย ไม่มีแผล ไม่ต้องพักฟื้น
  • อาจมีอาการบวมหลังฉีด แต่จะหายไปเองใน 2-3 วัน
  • ยุบบวมและเห็นผลเต็มที่ใน 2 สัปดาห์
  • ฟิลเลอร์อยู่ไม่ได้ถาวร ระยะเวลาขึ้นกับยี่ห้อฟิลเลอร์ที่เลือกใช้

ฉีดไขมันใต้ตา

  • ใช้ไขมันของตัวเองโดยดูดจากบริเวณอื่นมาเติมใต้ตา
  • ลดความเสี่ยงที่จะเกิดการแพ้
  • ต้องมีการตรวจเช็กไขมันที่จะนำมาใช้ มีกระบวนการดูดไขมัน และปั่นแยกเป็นของเหลว
  • คนไข้จะมีแผลในตำแหน่งที่มีการดูดไขมันมาเพื่อฉีด
  • ผลอยู่ได้นานแต่มักจะไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดีในครั้งแรก ต้องทำซ้ำหลายครั้ง
  • อาจเกิดปัญหาผิวไม่เรียบเสมอกัน

ฟิลเลอร์ใต้ตาใช้กี่ CC ถึงเห็นผล ?

ก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา หมอจะเป็นคนประเมินว่าแต่ละเคสต้องเติมฟิลเลอร์ใต้ตา กี่ CC ครับ ขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละบุคคล ซึ่งใช้ปริมาณ CC มาก-น้อย ไม่เท่ากัน ในคนที่มีปัญหากระดูกใต้ตามีการยุบตัวมาก ๆ ใต้ตาลึก เช่น คนไข้อายุเยอะมาก ๆ หมออาจพิจารณาใช้ฟิลเลอร์มากขึ้นโดยดูเป็นเคส ๆ ไป อาจจะใช้ข้างละ 2-3 CC แต่ส่วนใหญ่ถ้าเป็นปัญหาทั่วไปจะใช้ฟิลเลอร์ใต้ตาข้างละ 1-2 CC ในการรักษา ก็สามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจนแล้วครับ

ข้อห้าม หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

  • หลัง ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ไม่ควรแตะ แกะ เกา ในบริเวณที่ทำ
  • อยู่ในที่อากาศเย็นและหลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิด การซาวน่า เลเซอร์ร้อน ตากแดด ออกกำลังกายหนัก ๆ ในช่วง 3 วันแรกหลังทำ
  • หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาหารที่เผ็ดมากจนหน้าแดง อาหารหมักดอง อาหารดิบจากร้านที่ไม่สะอาด
  • งดสูบบุหรี่
  • หลังจาก ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา พยายามอย่าขยับใบหน้าเยอะ ๆ ในช่วง 3 วันหลังทำ เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่ผิดตำแหน่งได้
  • 1 ชม.หลัง ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา สามารถแกะพลาสเตอร์ออกได้

ปรึกษากับแพทย์หรือที่ปรึกษาความงาม

Q&A : ฟิลเลอร์ใต้ตา

หลาย ๆ คนคงอยากทราบว่าฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา กี่วันเข้าที่ ? จริง ๆ แล้วการเติมฟิลเลอร์จะสามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ทันทีหลังฉีดครับ หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาไปแล้วประมาณ 4-5 วันจะค่อย ๆ เข้าที่และเห็นผลลัพธ์ชัดเจนใน 2 สัปดาห์ หลังจากนั้นหมอจะนัดมาดูผลอีกครั้งครับ

อาการบวมหลัง ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาสามารถเกิดขึ้นได้เป็นเรื่องปกติครับ หากใช้ฟิลเลอร์แท้ ฉีดกับหมอในคลินิกที่ได้มาตรฐาน ไม่มีอาการเจ็บแสบบวมแดง โดยสาเหตุมาจากการที่เข็มเข้าไปในผิว และเนื้อฟิลเลอร์ที่ยังไม่เข้าที่ดี ควรดูแลตัวเองหลังฉีดตามคำแนะนำของแพทย์ อาการบวมจะค่อย ๆ ดีขึ้น เข้าที่เต็มที่ใช้เวลา 2 สัปดาห์

  • เลือกฟิลเลอร์ไม่ถูกรุ่น ไม่เหมาะกับบริเวณที่ฉีด
  • ใช้เทคนิคการฉีดไม่ถูกต้อง
  • ใช้ฟิลเลอร์ปลอมหรือฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน
  • หมอที่ฉีดให้ไม่มีความชำนาญทางด้านการฉีดฟิลเลอร์

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ทำให้ตาบอดได้จริงครับ แต่เกิดขึ้นได้ยากมาก ในปัจจุบันที่มีการเข้ามาของเทคโนโลยีต่าง ๆ คนไข้สามารถหาข้อมูลและเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน แพทย์ที่เก่ง มีประสบการณ์ เพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ครับ

รีวิวฟิลเลอร์ใต้ตา

ฉีดฟิลเลอร์คางคืออะไร?

ฟิลเลอร์คาง คือ การฉีดสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิค แอซิด เข้าไปบริเวณคาง เพื่อเสริมคาง และปรับรูปหน้าให้ดูสมมาตร หรือหน้าเรียววีเชฟมากขึ้น หลังฉีดฟิลเลอร์คางเห็นผลทันที ไม่มีอาการบวมช้ำเหมือนการผ่าตัด และเนื้อฟิลเลอร์จะสลายไปเองตามธรรมชาติ

ฉีดฟิลเลอร์คาง ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ?

  • แก้ปัญหาคางสั้น คางตัด หน้ากลม ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียว วีเชฟมากขึ้น
  • แก้ปัญหาคางไม่เท่ากัน คางบุ๋ม ให้ได้สัดส่วนมากขึ้น
  • ช่วยเสริมคางเพื่อปรับโหงวเฮ้ง
  • ช่วยเสริมคางให้ยาวขึ้น อย่างเป็นธรรมชาติ

ฟิลเลอร์คาง เหมาะกับใคร ?

การฉีดฟิลเลอร์คาง เป็นหัตถการที่เหมาะกับคนที่ไม่อยากผ่าตัดเสริมคาง ไม่อยากมีแผล และไม่มีเวลาพักฟื้นครับ ผลลัพธ์ที่ได้จะไม่ได้แตกต่างกับการผ่าตัด แต่ถ้ามีปัญหาคางสั้นมากๆ และต้องการเสริมคางให้ได้ยาวๆ หมอจะแนะนำให้ผ่าตัดเสริมซิลิโคนมากกว่า
เนื่องจากการฉีดฟิลเลอร์นั้น ไม่สามารถเสริมคางให้ยาวมากได้เท่ากับการผ่าตัดครับ ถ้าฝืนเติมไปเยอะๆ ก็อาจทำให้ฟิลเลอร์ไหลเป็นก้อน คางไม่สวยหรือผิดรูปได้ถ้าไม่มั่นใจว่าตัวเองเหมาะกับการ ฉีดฟิลเลอร์คาง หรือไม่ แนะนำให้ปรึกษาหมอที่คลินิก หรือช่องทางออนไลน์ของคลินิกนั้นๆ เพื่อส่งรูปหน้าให้หมอประเมินก่อนได้ครับ

ฉีดฟิลเลอร์คาง อันตรายไหม ?

ฟิลเลอร์คาง ถ้าฉีดด้วยเทคนิคที่ถูกต้อง และฉีดด้วยฟิลเลอร์แท้ ซึ่งสามารถสลายได้หมด 100% โดยไม่ตกค้าง ฉีดโดยแพทย์ ก็ไม่เป็นอันตรายครับและที่สำคัญแพทย์ควรมีประสบการณ์ ความชำนาญในการฉีดฟิลเลอร์คาง เพราะถ้าฉีดฟิลเลอร์ไม่ลึกพอจะโดนกล้ามเนื้อบริเวณคาง ทำให้เมื่อเวลาผ่านไปฟิลเลอร์จะถูกดึงมากองรวมกันเป็นก้อนได้

ฟิลเลอร์คาง มีข้อดี ข้อเสีย อย่างไร ?

ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์คาง

  • ไม่ต้องพักฟื้น ฉีดฟิลเลอร์คางปุ๊บ คางสวยขึ้น หน้าเรียวขึ้นทันที ใช้หน้าได้เลย มีรอยเข็มแค่บริเวณใต้คาง 3-7 วัน ก็หาย เหมาะกับคนที่ต้องการหน้าเรียวแบบเร่งด่วน
  • รูปทรงฟิลเลอร์คางที่ได้ หากสั้นเกินไปสามารถเติมเพิ่มได้ หากยาวเกินไปสามารถสลายบางส่วนออกได้ทันที
  • รูปทรงฟิลเลอร์คาง จะเป็นธรรมชาติมาก ๆ ซึ่งขึ้นกับเทคนิคการฉีด ถ้าใช้ฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐาน และ ฉีดฟิลเลอร์คาง ด้วยเทคนิคที่ถูกต้อง ก็จะไม่มีปัญหาเรื่องคางย้อยผิดรูป สามารถดูวิธีการตรวจสอบฟิลเลอร์ปลอมได้ ที่ลิงก์นี้เลยครับ วิธีตรวจสอบฟิลเลอร์ปลอม
  • ถ้าฉีดฟิลเลอร์คางด้วยเทคนิคการเสริมกระดูก จะอยู่ได้นาน และเมื่อฟิลเลอร์สลายไป ก็จะสามารถเติมใหม่ได้เรื่อย ๆ โดยไม่ทำให้เนื้อคางผิดรูป

ข้อเสียของการฉีดฟิลเลอร์คาง

  • ฟิลเลอร์คางอยู่ได้แค่ 1-2 ปี ต่อการฉีด 1 ครั้ง
  • หาก ฉีดฟิลเลอร์คาง ในเนื้อคางชั้นตื้นเกินไป โดยที่ถึงแม้จะใช้ฟิลเลอร์แท้ที่ได้มาตรฐาน เมื่อเวลาผ่านไปจะทำให้เนื้อคางผิดรูปได้ (แต่ถ้าฉีดฟิลเลอร์คาง ด้วยเทคนิคที่ถูกต้องจะไม่พบปัญหานี้ครับ)

ฉีดฟิลเลอร์คางไม่เหมาะกับใคร ?

  • ไม่เหมาะกับคนที่คางสั้นมาก และต้องการเสริมคางให้ยาวขึ้นเกิน 1 ซม.
  • ไม่เหมาะกับคนที่คิดจะผ่าตัดศัลยกรรมเสริมคางด้วยซิลิโคนในอนาคต
  • ไม่เหมาะกับคนที่ต้องการความถาวร เนื่องจากฟิลเลอร์คางจะสลายไปเองตามธรรมชาติ ต้องมาฉีดซ้ำ
  • ไม่เหมาะกับคนที่มีประวัติเป็นภูมิแพ้อย่างรุนแรง มีปัญหาเลือดออกง่าย มีประวัติแพ้ยาชา และสตรีมีครรภ์ (ควรแจ้งแพทย์ก่อนฉีดหรือหลีกเลี่ยงการฉีดฟิลเลอร์คาง)

ปรึกษากับแพทย์หรือที่ปรึกษาความงาม

Q&A : ฟิลเลอร์คาง

อย่างที่หมอบอกไปว่า การฉีดฟิลเลอร์คาง ไม่สามารถเติมคางให้ยาวลงมาได้เกิน 1 ซม. นะครับ ดังนั้น สำหรับคนที่มีปัญหาคางสั้น คางตัด คางบุ๋ม ต้องการปรับแก้รูปคางให้ยาวขึ้น ใช้ฟิลเลอร์เพียง 1 CC ก็สามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจนแล้วครับ

หลังฉีดฟิลเลอร์คาง จะมีอาการบวมจากเข็มและฟิลเลอร์ได้เป็นปกติครับ อาการเหล่านี้จะค่อยๆ หายบวมใน 3-7 วัน และเห็นผลชัดเจนใน 2 สัปดาห์ครับ

เนื่องจากการฉีดฟิลเลอร์คางต้องใช้ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง ที่มีความคงตัวสูง การฉีดฟิลเลอร์คางอยู่ได้ประมาณ 12-18 เดือน ตามอายุของฟิลเลอร์รุ่นที่เลือกใช้ นอกจากนี้การที่ฟิลเลอร์จะอยู่ได้นานแค่ไหน ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองของแต่ละคนด้วยครับแล้วครับ

หลังฉีดฟิลเลอร์คาง หากฉีดด้วยฟิลเลอร์แท้ เนื้อฟิลเลอร์จะสลายไปเองตามระยะเวลาครับ แต่ถ้าหากฉีดฟิลเลอร์ไปแล้วไม่ชอบทรง อยากแก้ไข ก็สามารถ ฉีดสลายฟิลเลอร์ ด้วยตัวยา Hyaluronidase ช่วยละลายออกได้หมด 100% ครับ

หลังฉีดฟิลเลอร์คาง สามารถทำหัตถการอื่นได้ครับ เช่น ร้อยไหม โบท็อก ฉีดฟิลเลอร์ในจุดอื่น ๆ ทำ Hifu Ultraformer lll หรือ Ulthera ก่อนทำควรปรึกษาแพทย์ เพื่อวางแผนลำดับการทำก่อน-หลัง และแนะนำระยะเวลาที่สมควรครับ ส่วนการทำเลเซอร์ร้อน ต้องงดก่อนอย่างน้อย 1 เดือน

รีวิวฟิลเลอร์คาง

ฉีดฟิลเลอร์ปากคืออะไร?

การฉีดฟิลเลอร์ปาก คือ การใช้สารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid : HA) ที่มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำ ฉีดบริเวณริมฝีปากเพื่อเพิ่มเนื้อและปรับขนาดโครงสร้างปาก ให้ปากอวบอิ่มขึ้น แก้ปัญหาปากบาง ปากแห้งลอก ปากไม่เป็นรูปให้สมดุล เป็นรูปทรงที่สวยงาม
นอกจากการเพิ่มความอวบอิ่ม ฟิลเลอร์ปากสามารถแก้ปัญหารูปปากคว่ำ ดูหน้าบึ้ง ให้กลับมาดูยิ้มแย้มสดใสขึ้น ด้วยเทคนิคฉีดฟิลเลอร์ยกมุมปาก ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ปากหลังฉีดสามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงทันที ไม่ต้องพักฟื้น เป็นหัตถการที่มีความปลอดภัย และช่วยแก้ไขปัญหาได้หลากหลายครับ

ใครบ้างที่ควรทำฟิลเลอร์ปากกระจับ ?

เมื่ออายุมากขึ้น เนื้อริมฝีปากจะบางลงเรื่อย ๆ เนื่องจากคอลลาเจนที่สร้างน้อยลง ทำให้เกิดริ้วรอยที่เนื้อปากและขอบปาก เหมือนผิวลูกโป่งที่เคยพองลมแล้วแฟบลง ทำให้ดูมีอายุ ในผู้หญิงจะทำให้ความมีเสน่ห์ดึงดูดน้อยลง อีกทั้งจะเกิดปัญหาเวลาที่ทาลิปสติกเนื้อลิปสติกจะตกลงไปในร่อง สีปากจะเป็นลาย ๆ ทำให้ต้องเติมลิปสติกบ่อยขึ้น กรณีนี้สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยการเติม ฟิลเลอร์ปาก
ในคนที่ต้องการปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วน สวยขึ้น ริมฝีปากถือเป็นจุดเด่นหนึ่งบนใบหน้า ที่ช่วยให้มีเสน่ห์ดึงดูดเพศตรงข้าม ทั้งในเรื่องของสัดส่วนริมฝีปากบน-ล่าง เนื้อปากที่เรียบเนียน รูปทรงปาก ลักษณะของมุมปากที่ยกขึ้น ล้วนเป็นจุดเด่นที่สำคัญในการปรับรูปหน้าที่ไม่ควรมองข้ามทั้งสิ้น สามารถปรับแต่งได้ด้วยการเติม ฟิลเลอร์ปาก

ฟิลเลอร์ปากอันตรายหรือไม่ ?

ริมฝีปากประกอบด้วยเส้นเลือดฝอยขนาดเล็กจำนวนมาก แต่สามารถฉีดฟิลเลอร์ด้วยเทคนิคเข็มแหลมได้เนื่องจากเนื้อเยื่อในจุดหนึ่ง ๆ ของริมฝีปาก มีเส้นเลือดมาเลี้ยงจากทุกทิศทาง จึงทำให้ไม่เกิดปัญหาเมื่อฉีดฟิลเลอร์ และมีเพียงเส้นเลือดหลักที่อยู่ลึกลงไปเพียงเส้นเดียวเท่านั้น ซึ่งถ้าเป็นแพทย์ที่มีประสบการณ์ การฉีดฟิลเลอร์ปากก็มีความปลอดภัย 100%
แต่มีกรณีที่ควรระวังคือคนไข้ที่ผ่านการผ่าตัดริมฝีปากมาก่อนแล้วต้องการฉีดฟิลเลอร์ปาก ต้องแจ้งแพทย์ว่าเคยผ่าตัดมาก่อน เพราะในกรณีนี้เส้นเลือดบางส่วนของคนไข้จะโดนรอยแผลที่เป็นผังผืดปิดกั้น ทำให้แพทย์ต้องเพิ่มความระมัดระวังในการฉีดมากขึ้น และมีความเสี่ยงในการฉีดฟิลเลอร์อุดตันเส้นเลือดมากกว่าเคสปกติแต่ถึงแม้จะเกิดการอุดตันเส้นเลือด ด้วยเทคนิคการแก้ไขที่มีในปัจจุบันก็สามารถฉีดสลายฟิลเลอร์และแก้ไขให้กลับคืนมาได้ภายใน 7-14 วัน โดยที่ไม่ทำให้เกิดเนื้อตายหรือตาบอด ก็ถือว่ามีความปลอดภัย 100% ดังนั้นจึงควร ฉีดฟิลเลอร์ปาก กับแพทย์ที่มีประสบการณ์เท่านั้นครับ หากเกิดเหตุสุดวิสัยก็จะสามารถแก้ไขได้อย่างทันท่วงที

การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ปาก

  • ก่อน ฉีดฟิลเลอร์ปาก ควรหาข้อมูลและเลือกฉีดกับคลินิกที่ได้มาตรฐาน
  • ศึกษาวิธีดูฟิลเลอร์แท้
  • ดูรีวิวจากผู้ใช้บริการจริงในคลินิกนั้น ๆ
  • ควรงด ยาทาชนิดผลัดเซลล์ผิว และการแว็ก ยาแอสไพริน ยา NSAIDs เช่น ibruprofen, diclofenac, ponstan เป็นเวลา 1 สัปดาห์ก่อนทำ
  • งดวิตามิน St.Johns Wort, ginko biloba, primrose oil, garlic, ginseng และ Vitamin E เป็นเวลา 1 สัปดาห์ก่อนทำ
  • งดดื่มแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมง
  • งดกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด
  • หากมีโรคประจำตัว หรือมียาที่กินเป็นประจำ ควรเตรียมข้อมูลไว้เพื่อแจ้งกับแพทย์ก่อนที่จะทำหัตถการ

ฟิลเลอร์ปาก ควรใช้ยี่ห้อไหน รุ่นไหนดีที่สุด ?

  • Restylane Kysse ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด แต่มีความคงตัว สร้างขอบริมฝีปากที่ชัดเจนให้ความชุ่มชื้นและความอวบอิ่ม ออกแบบมาสำหรับใช้เติมเต็มริมฝีปากโดยเฉพาะ อยู่ได้ 12 เดือน
  • Restylane Vital Light เนื้อละเอียด ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น เหมาะกับผู้ที่ต้องการแก้ไขริมฝีปากแห้ง โดยไม่ต้องเพิ่มความหนามาก อยู่ได้ 6-12 เดือน
  • Restylane Volyme เนื้อนิ่มปานกลาง และมีความยืดหยุ่นสูง อุ้มน้ำ ดูเป็นธรรมชาติไม่เป็นก้อน เหมาะฉีดมุมปาก อยู่ได้ 18 เดือน
  • Restylane Refyne เนื้อนิ่ม มีลักษณะยืดหยุ่น สามารถเติมเต็มให้ปากอวบอิ่ม เป็นธรรมชาติ อยู่ได้ 12 เดือน
  • Juvederm Ultra Plus เนื้อนิ่ม ฉีดแล้วฟูมาก เหมาะกับคนที่ต้องการปากอวบอิ่มแบบฝรั่ง อยู่ได้ 12 เดือน
  • Juvederm Voluma เนื้อแข็ง แน่น ฟูปานกลาง อยู่ได้นานที่สุด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปากอวบอิ่มและอยู่ได้นาน อยู่ได้ 18 เดือน
  • Juvederm Volift เนื้อนิ่ม มีความละเอียด และยืดหยุ่นสูง ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ ไม่เป็นก้อน อยู่ได้ 12 เดือน
  • Juvederm Volite เนื้อละเอียด ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น เหมาะกับผู้ที่ต้องการให้ผิวปากชุ่มชื้น อวบอิ่มขึ้นเล็กน้อย อยู่ได้ 8-12 เดือน
  • Belotero Volume เนื้อแน่น อยู่ทรง ใช้ฉีดเพิ่ม volume ให้กับริมฝีปาก เหมาะกับทรงปากสายฝอ อยู่ได้นาน 12-18 เดือน

ปรึกษากับแพทย์หรือที่ปรึกษาความงาม

Q&A : ฟิลเลอร์ปาก

โดยทั่วไป ฉีดฟิลเลอร์ปาก 1 cc ก็เพียงพอสำหรับเติมปากให้สวยงามแล้วครับ ยกเว้นในบางเคสที่ต้องการเพิ่มวอลลุ่มมาก ๆ อาจจะต้องใช้ 2 cc ครับ เพื่อให้ปากเต็มอวบอิ่ม โดยหมอจะช่วยประเมินก่อนและแนะนำปริมาณที่เหมาะสมให้เป็นรายบุคคลไปครับ

การฉีดฟิลเลอร์ปากโดยทั่วไปจะอยู่ได้ประมาณ 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ และวิธีการดูแลตัวเองหลังฉีด โดยควรหลีกเลี่ยงอาหารร้อนจัด เพราะอาจจะทำให้ฟิลเลอร์สลายเร็วกว่าอายุจริงของฟิลเลอร์ได้

  • อักเสบ ติดเชื้อ ทั้งผิวหนังชั้นตื้นและชั้นลึก
  • มีอาการแพ้สารที่นำมาฉีด
  • ผิวบริเวณที่ฉีดเป็นก้อน ไม่สม่ำเสมอ
  • มีการผิดรูปของจุดที่ฉีด แก้ไขได้ยากเนื่องจากมักเป็นสารที่ไม่สามารสลายเองได้
  • ร่างกายจะต่อต้านสิ่งแปลกปลอม ทำให้เกิดเป็นก้อนกดเจ็บ
  • ควรงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มร้อน ๆ เพราะอาจเกิดทำให้ปากเกิดอาการบวมหรืออักเสบได้ง่าย
  • งดการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังหนัก ๆ ที่จะทำให้ปากเสียรูปทรง
  • ควรดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อเพิ่มการอุ้มน้ำของฟิลเลอร์ การดื่มน้ำมาก ๆ ช่วยให้ฟิลเลอร์ฟูขึ้น และอยู่ได้นานขึ้น
  • ไม่ควรดึงหรือลอกหนังริมฝีปาก เพราะจะเป็นการทำลายผิวริมฝีปาก ทำให้ผิวเก็บกักน้ำและความชุ่มชื้นไว้ได้น้อยลง

หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก ใน 12 ชั่วโมงแรก หมอแนะนำให้งดทาลิปสติกก่อน หลังจากนั้นสามารถทาได้ปกติ โดยหลังฉีดฟิลเลอร์ไปอาจยังมีรอยเข็มอยู่ ก็สามารถใช้ลิปสติกทากลบรอยได้ครับ

ฉีดฟิลเลอร์ปาก แล้วเป็นก้อน เกิดได้จากหลายสาเหตุครับ ถ้าเป็นก้อนในช่วงแรกแล้วค่อย ๆ ดีขึ้นคืออาการบวมปกติหลังฉีด แต่ถ้าเป็นก้อนแข็ง เจ็บ มีอาการอักเสบ ต้องตรวจสอบว่าเป็นเพราะฉีดกับคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน ฟิลเลอร์ปลอม หรือหมอไม่มีประสบการณ์เลือกเนื้อฟิลเลอร์ที่ไม่เหมาะสม

โดยปกติหลังฉีดฟิลเลอร์ปากจะมีอาการบวมหลังฉีด และจะค่อย ๆ หายบวมประมาณ 4-5 วันครับ และการฉีดฟิลเลอร์ปากจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนเข้าที่ ประมาณ 1-2 สัปดาห์ครับ

รีวิวฟิลเลอร์ปาก

การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ดีอย่างไร?

การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม มีข้อดีคือสามารถแก้ปัญหาร่องแก้มลึก ได้อย่างเห็นผลและตรงจุด โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น หลังทำเห็นผลทันที เมื่อฟิลเลอร์ที่ฉีดบริเวณร่องแก้มสลายหมด สามารถเติมฟิลเลอร์ร่องแก้มใหม่ได้เรื่อย ๆ ถ้าไม่ได้เติมต่อเนื่อง ผิวบริเวณร่องแก้มจะคืนสภาพเดิมครับ แต่แม้ฟิลเลอร์จะสลายไปแล้ว แต่ผิวก็จะยังดีกว่าก่อนเติม เพราะฟิลเลอร์จะกระตุ้นให้ร่างกายเราสร้างคอลลาเจนที่ร่องแก้มของตัวเองขึ้นมาด้วย และรักษาความชุ่มชิ้นให้ผิว

ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม อันตรายไหม ?

การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ไม่อันตรายหากฉีดด้วยฟิลเลอร์แท้ แพทย์มีประสบการณ์มากพอ และฉีดในคลินิกที่ได้มาตรฐานครับ ในการฉีดฟิลเลอร์สิ่งที่แพทย์ต้องระวัง คือไม่ฉีดโดนเส้นเลือดที่สำคัญและทำให้เกิดการอุดตันในเส้นเลือดครับ ซึ่งถ้าแพทย์มีประสบการณ์มากพอก็จะลดความเสี่ยงในจุดนี้ไปได้ที่สำคัญอีกข้อคือการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มให้ออกมาเป็นธรรมชาติมากที่สุดครับ เพราะการมีปัญหาร่องแก้มลึก เห็นเป็นรอยจนขาดความมั่นใจ ถ้าแก้ไขแล้วออกมาดูไม่เป็นธรรมชาติ ฉีดแล้วเป็นก้อนก็จะยิ่งทำให้เสียความมั่นใจเข้าไปอีก
ดังนั้น หมอที่มีประสบการณ์มากพอ จะต้องประเมินสาเหตุของการเกิดร่องแก้มในแต่ละคน เพื่อการแก้ไขร่องแก้มลึกให้ตรงจุด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงาม เป็นธรรมชาติมากที่สุดครับ

สาเหตุของการเกิดร่องแก้มลึก

  • เกิดจากการยุบตัวของกระดูกบริเวณใต้ทำให้เนื้อแก้มด้านบนหย่อนลงมากองที่เหนือร่องแก้ม ทำให้ร่องแก้มลึก
  • เกิดจากการยุบตัวของกระดูกบริเวณร่องแก้มโดยตรง
  • เกิดจากการยิ้มบ่อยๆ จนกล้ามเนื้อที่ดึงร่องแก้มแข็งแรงเกินไป
  • เกิดจากผิวแห้ง หรือตากแดดบ่อย ชั้นผิวบางลง

ฟิลเลอร์ร่องแก้ม vs ร้อยไหมก้างปลาดึงร่องแก้ม

ฟิลเลอร์ร่องแก้ม

  • ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ช่วยเติมเต็มร่องแก้มลึก และส่วนที่มีการยุบตัวของกระดูก
  • ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม สามารถแก้ปัญหาร่องแก้มลึกได้จากหลายสาเหตุ
  • มีเทคนิคฉีดไล่ตั้งแต่เส้นของร่องแก้มบริเวณปากไล่ขึ้นมา จะช่วยยกมุมปากขึ้นได้ด้วย
  • เป็นการแก้ปัญหาร่องแก้มลึกอย่างตรงจุด
  • หลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม เห็นผลทันที และได้ผลที่เป็นธรรมชาติ

ร้อยไหมก้างปลาดึงร่องแก้ม

  • ในคนที่แก้มตอบบางเคส สามารถใช้ไหมดึงไขมันขึ้นมาเติมแก้มได้ (ต้องมีเนื้อแก้มส่วนล่างให้ดึงนะครับ ถ้าไม่มีเนื้อก็ต้องใช้ฟิลเลอร์)
  • การร้อยไหมดึงร่องแก้ม อาจช่วยเสริมเล็กน้อยในผิวชั้นตื้นเท่านั้น
  • ถ้าร้อยไหมเงี่ยงก้างปลาดึงร่องแก้มโดยตรงจะทำให้เนื้อขึ้นไปกองที่โหนกแก้มบวมไม่สวย ไม่เป็นธรรมชาติ
  • ถ้าใช้ไหมเรียบเติมเต็มร่องแก้มก็ต้องร้อยซ้อนกันหลายๆ เส้นในจุดเดียวกัน จะเกิด elastin จะทับกับเป็นผังผืดแข็งและไม่เต็มครับ

ปรึกษากับแพทย์หรือที่ปรึกษาความงาม

Q&A : ฟิลเลอร์ร่องแก้ม

สำหรับคนจะมีความกังวลว่าหลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม บวมกี่วัน จะเข้าที่เมื่อไหร่ ? ใช้เวลานานไหม ? จริง ๆ แล้วหลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มจะเห็นผลลัพธ์ทันทีครับ ถ้าต้องรีบใช้หน้าก็สามารถใช้ได้เลย อาจมีอาการบวมบ้างจากเข็มหรือตัวยาเป็นเรื่องปกติครับ หลีกเลี่ยงการแตะ การเกา การกดนวดในจุดนั้น ๆ อาการจะค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 2-3 วัน

เมื่อฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มแล้วเป็นก้อน อาจเกิดจากหมอใช้เทคนิคที่ไม่ถูกต้องหรือเลือกใช้ฟิลเลอร์ไม่เหมาะกับบริเวณที่ฉีด เช่น คนไข้มีสาเหตุของร่องแก้มลึกมาจากการยุบตัวของกระดูกใต้ตา ก็ไม่ควรแก้ปัญหาด้วยการฉีดฟิลเลอร์บริเวณร่องแก้ม จะทำให้หน้าดูบวม เนื้อมากองบริเวณเหนือร่องแก้ม ดูอูมผิดธรรมชาติครับ

การเติมฟิลเลอร์ร่องแก้ม บางเคสที่อายุเยอะ ๆ (50 ปีขึ้นไป) ปัญหาร่องแก้มลึกเกิดจากหลายปัจจัยครับ จึงต้องใช้ฟิลเลอร์จำนวนหลาย cc (บางเคสใช้ 3-4 cc) และอาจจะต้องทำ Hifu หรือร้อยไหมร่วมด้วย

การฉีดฟิลเลอร์ขมับคืออะไร

ฟิลเลอร์ขมับ คือ หัตถการที่ช่วยปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วนสวยเข้ารูปมากขึ้น เพราะจะทำให้โหนกแก้มที่เด่น ดูเหมือนยุบลง ทำให้หน้าหวานขึ้น อีกทั้งยังเป็นที่นิยมในคนที่ต้องการเสริมโหงวเฮ้งในด้านการค้าขายและธุรกิจ เพราะมีความเชื่อด้านโหงวเฮ้งว่าจะทำให้รับทรัพย์มากขึ้น มีคนช่วยอุปถัมภ์ สำหรับในผู้หญิงถ้าขมับเต็มสวย ในทางโหงวเฮ้งบ่งบอกว่าจะได้สามีรวย ไม่ต้องทำงานหนัก

ฟิลเลอร์ขมับ อันตรายไหม ?

ฟิลเลอร์ขมับ เป็นจุดที่อันตรายมากถ้าฉีดโดยแพทย์ที่ไม่ชำนาญ หรือหมอกระเป๋า เนื่องจากเป็นบริเวณที่มีเส้นเลือดที่เชื่อมไปยังลูกตาได้และการฉีดต้องใช้ปริมาณฟิลเลอร์ในแต่ละจุดค่อนข้างเยอะ แต่ถ้าฉีดด้วยเทคนิคที่ถูกต้อง แพทย์ที่ชำนาญ และฟิลเลอร์แท้ที่ได้มาตรฐาน ก็มีความปลอดภัย 100% ครับ

ปัญหาขมับตอบ ขมับลึก เกิดจากอะไร ?

  • โครงสร้างกะโหลกศีรษะแต่ละบุคคล โดยปกติกระดูกบริเวณขมับ หน้าผาก แก้ม กล้ามเนื้อจะบางกว่าส่วนอื่น ส่วนขมับที่เป็นแอ่งลึกลงไปเกิดจากกล้ามเนื้อด้านในฝ่อหรือเล็กกว่าปกติ ไม่สมดุลกับผิวหนังด้านนอก ทำให้เห็นเป็นขมับตอบ ขมับลึก
  • อายุมากขึ้น กระดูก เนื้อเยื่อ ชั้นไขมัน มีการเปลี่ยนแปลง ยุบลง ฝ่อลง ทำให้เกิดเป็นรอยบุ๋มลงไปบริเวณขมับ
  • การจัดฟัน จะส่งผลทำให้กล้ามเนื้อที่ใช้ในการเคี้ยวอาหารทำงานลดลง กล้ามเนื้อ เทมโพราลิส (Temporalis Muscle) เป็นกล้ามเนื้อรูปพัดที่อยู่ด้านข้างขมับจึงลีบเล็กลง ส่งผลให้ขมับดูตอบขึ้นได้ครับ

ฟิลเลอร์ขมับ ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ?

  • ปัญหาขมับตอบ ขมับลึก
  • ขมับเป็นแอ่ง ทำใบหน้าดูโทรม
  • โหงวเฮ้งใบหน้าไม่ดี

ฟิลเลอร์ขมับเหมาะกับใคร ?

  • filler ขมับ เหมาะกับคนที่ลดน้ำหนักให้หุ่นกระชับ แต่เนื้อที่หน้ายุบหายไปด้วย หุ่นเป๊ะขึ้นแต่หน้าเริ่มโทรม จะเพิ่มน้ำหนักให้หน้าเต็มแต่หุ่นก็จะไม่เป๊ะ แนะนำให้ใช้ฟิลเลอร์เป็นตัวช่วยครับ จะได้ทั้งหุ่นและหน้าที่เป๊ะตามต้องการครับ
  • คนที่มีโหนกแก้มเด่น ที่มีสาเหตุมาจากเนื้อขมับและเนื้อแก้มตอบที่ยุบตัวลง สามารถใช้ฟิลเลอร์ช่วยได้ครับ จะทำให้โหนกแก้มเด่นน้อยลง และใบหน้าจะเรียวเข้ารูปมากขึ้น
  • คนที่ต้องการเสริมโหงวเฮ้งหน้าผาก การเติมฟิลเลอร์หน้าผากอาจจะต้องทำควบคู่กับฟิลเลอร์ขมับเพื่อให้หน้าผากและขมับสวยเข้ารูปมากที่สุด

การฉีดฟิลเลอร์ขมับ vs การเติมไขมัน

การฉีดฟิลเลอร์ขมับ

  • ฟิลเลอร์ขมับ จะฉีดโดยใช้สารเติมเต็ม HA ที่ปลอดภัย
  • สามารถใช้เทคนิคฉีดชิดกระดูก ช่วยเติมเต็มขมับได้ดี ทำให้ผิวเรียบเสมอกัน
  • มีความเป็นธรรมชาติ ไม่เป็นก้อน
  • หลังฉีดฟิลเลอร์ขมับ เห็นผลทันที ขมับเต็ม ใบหน้าเข้ารูปมากขึ้น
  • ใช้เวลาฉีดไม่นาน ไม่มีแผล ไม่ต้องพักฟื้น
  • อาจมีอาการบวมหลังฉีดฟิลเลอร์ จะหายไปเองใน 7-14 วัน
  • ฟิลเลอร์สลายหมด ไม่มีสารตกค้าง
  • เมื่อฟิลเลอร์สลาย สามารถกลับมาฉีดซ้ำได้อีกเรื่อย ๆ

การเติมไขมัน

  • เป็นการดูดไขมันตัวเองจากบริเวณอื่น มาฉีดขมับ
  • ลดความเสี่ยงจากอาการแพ้ เพราะใช้ไขมันตัวเอง
  • ต้องมีการตรวจเช็กไขมันที่จะนำมาใช้ มีกระบวนการดูดไขมัน และปั่นแยกเป็นของเหลว
  • คนไข้จะมีแผลในตำแหน่งที่มีการดูดไขมันมาเพื่อฉีด
  • ผลอยู่ได้นานแต่มักจะไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดีในครั้งแรก ต้องทำซ้ำหลายครั้ง
  • อาจเกิดปัญหาผิวไม่เรียบเสมอกัน
  • ในส่วนที่กระดูกยุบตัวลง ไม่สามารถใช้ไขมันเติมได้
  • ถ้าเติมไขมันมากไป ชั้นผิวจะถูกยืดออกมากเกินพอดี ขาดความกระชับ สัมผัสไม่เป็นธรรมชาติ และหย่อนลง

ปรึกษากับแพทย์หรือที่ปรึกษาความงาม

Q&A : ฟิลเลอร์ขมับ

  • รู้สึกบวมในจุดที่ฉีด เกิดจากอาการบวมเข็มและเนื้อฟิลเลอร์ จะยุบไปเองใน 1-2 สัปดาห์
  • ปวดหัว หลังฉีดฟิลเลอร์ขมับอาจรู้สึกปวดหัวได้ เนื่องจากเป็นจุดรวมเส้นประสาทและไวต่อความรู้สึก หายไปเองใน 1-2 วัน หรือรับประทานยาแก้ปวดได้

สำหรับ ฟิลเลอร์ขมับ ในเคสส่วนมากจะใช้ประมาณข้างละ 1-2 cc ขึ้นกับความลึกของขมับตอบ หมอจะช่วยประเมินและแนะนำให้ตามความเหมาะสมครับ

ฟิลเลอร์หน้าผาก คืออะไร?

การฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก คือ การฉีดสารเติมเต็มชนิดไฮยาลูรอนิก Hyaluronic Acid เข้าไปบริเวณหน้าผาก มักจะไม่ใช่จุดแรกที่หมอแนะนำในการฉีดฟิลเลอร์เพื่อปรับรูปหน้า เนื่องจากต้องใช้ปริมาณฟิลเลอร์หลาย cc เพื่อให้เห็นความเปลี่ยนแปลงชัดเจน เมื่อเทียบกับการเติมฟิลเลอร์ใต้ตา-ร่องแก้ม ที่ใช้ 1-2 cc จะเห็นความเปลี่ยนแปลงชัดเจนมากกว่า แต่การเติมฟิลเลอร์หน้าผาก ก็มีส่วนช่วยสำคัญในการปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วนสวยเข้ารูปมากขึ้น

ฟิลเลอร์หน้าผาก ฟิลเลอร์ขมับ อันตรายไหม ?

ฟิลเลอร์หน้าผาก และ ฟิลเลอร์ขมับ เป็นส่วนที่เชื่อมต่อกันครับ เป็นจุดที่อันตรายมากถ้าฉีดโดยแพทย์ที่ไม่ชำนาญหรือหมอกระเป๋า เนื่องจากเป็นบริเวณที่มีเส้นเลือดที่เชื่อมไปยังลูกตาได้โดยตรงและการฉีดต้องใช้ปริมาณฟิลเลอร์ในแต่ละจุดค่อนข้างเยอะ แต่ถ้าฉีดด้วยเทคนิคที่ถูกต้อง แพทย์ที่มีประสบการณ์และฟิลเลอร์แท้ที่ได้มาตรฐาน ก็มีความปลอดภัย 100% ครับบริเวณหน้าผากมีเส้นเลือดที่เชื่อมเข้าสู่ดวงตา การฉีดฟิลเลอร์หน้าผากต้องทำด้วยเทคนิคพิเศษ ผลที่ได้จึงจะออกมาสวยงามและปลอดภัยแต่ถึงแม้จะเกิดการอุดตันเส้นเลือด ด้วยเทคนิคการแก้ไขที่มีในปัจจุบันก็สามารถฉีดสลายฟิลเลอร์และแก้ไขให้กลับคืนมาได้ภายใน 7-14 วัน โดยที่ไม่ทำให้เกิดเนื้อตายหรือตาบอด จึงถือได้ว่าฟิลเลอร์หน้าผากมีความปลอดภัย 100%

การฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก เหมาะกับใคร ?

  • เหมาะกับคนที่มีปัญหาหน้าผากแบน หน้าผากยุบ
  • มีร่องลึก รอยบุ๋มที่หน้าผาก
  • อยากเสริมโหงวเฮ้งหน้าผาก

การฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก vs การเติมไขมันหน้าผาก

การฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก

  • ฉีดโดยใช้สารเติมเต็ม HA มีความปลอดภัยสูง
  • เห็นผลลัพธ์ทันทีหลังฉีด
  • ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผล ไม่ต้องพักฟื้น
  • อาการบวมหลังฉีดดีขึ้นใน 2-3 วัน
  • เห็นผลชัดเจนใน 2 สัปดาห์
  • ฟิลเลอร์จะสลายไปตามระยะเวลาของแต่ละยี่ห้อ

การเติมไขมันหน้าผาก

  • ต้องใช้ไขมันที่ดูดจากบริเวณอื่นมาเติมหน้าผาก
  • ลดความเสี่ยงในการแพ้ เนื่องจากใช้ไขมันตัวเอง
  • มีกระบวนการดูดไขมัน และต้องนำมาปั่นแยกเป็นของเหลว
  • มีแผลจากตำแหน่งที่ดูดไขมันมาใช้
  • มักไม่ได้ผลในการฉีดครั้งแรก ต้องฉีดซ้ำหลายครั้ง
  • มีโอกาสเกิดปัญหาผิวไม่เรียบเสมอกัน

ปรึกษากับแพทย์หรือที่ปรึกษาความงาม

Q&A : ฟิลเลอร์หน้าผาก

หากฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก แล้วนูนเกินไป อยากแก้ไข สามารถทำได้ครับ ในปัจจุบันมีตัวยาฉีดสลายฟิลเลอร์ hyalunidase ที่สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัย แต่ถ้าหากปัญหามาจากการฉีดฟิลเลอร์ปลอม หรือฟิลเลอร์ที่ไม่ใช่ HA การแก้ไขจะต้องใช้การขูดฟิลเลอร์ออกครับ

ฟิลเลอร์แท้ Hyaluronic Acid เมื่อฉีดแล้วจะสลายไปเองตามธรรมชาติ แล้วแต่ระยะเวลาของฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อ แต่ถ้าหากอยากได้ความรวดเร็ว ก็สามารถสลายได้โดยใช้ เอนไซม์ Hyaluronidase ละลายออกได้หมด 100% ทำให้ผิวกลับคืนสภาพเดิมได้ครับ

หลังฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ไม่ควรนอนคว่ำหน้าหรือนอนตะแคง ต้องระวังไม่ให้เกิดการกดทับบริเวณหน้าผากที่ฉีดฟิลเลอร์มา ประมาณ 1-2 สัปดาห์ ฟิลเลอร์จะเริ่มเข้าที่ กลมกลืนไปกับเนื้อเยื่อปกติของผิวและมีความคงตัวมากขึ้น ไม่เปลี่ยนรูป ไม่เสียทรง

หลังฉีดฟิลเลอร์หน้าผากจะมีอาการบวมได้เป็นปกติ และจะหายไปเองใน 7-14 วันครับ สามารถทานยาแก้ปวดได้ตามอาการ

วิธีการสังเกตฟิลเลอร์แท้ที่ปลอดภัย

เพื่อความปลอดภัยคนไข้ควรศึกษาวิธีดูฟิลเลอร์แท้ ว่ามีจุดสังเกตอะไรบ้าง และมีบริษัทนำเข้ามาอย่างถูกกฎหมายหรือไม่ สังเกตได้จาก
  • เลขทะเบียนอย. ที่กล่อง
  • มีเอกสารกำกับภาษาไทย
  • เลข lot ที่กล่อง ซอง สติกเกอร์หรือหลอด ตรงกัน
  • สามารถนำเลข lot โทรเช็คกับบริษัทนำเข้าได้

การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์

  • ศึกษาข้อมูลที่จำเป็น ทั้งการเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน การเลือกหมอ เทคนิคในการทำ รวมไปถึงวิธีการสังเกตฟิลเลอร์แท้แต่ละยี่ห้อ เพื่อความปลอดภัยและมั่นใจว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดี คุ้มค่า
  • มียาและวิตามินบางชนิดที่ควรงดก่อนฉีดฟิลเลอร์ แอสไพริน, NSAIDs, วิตามิน St. Johns Wort, ginko biloba, primrose oil, garlic, ginseng และ Vitamin E
  • งดยาผลัดเซลล์ผิว การดึงหรือโกนขนบริเวณที่จะฉีดฟิลเลอร์
  • งดคอร์สเลเซอร์และนวดหน้าอย่างน้อย 3 วัน ก่อนฉีด
  • หากมีโรคประจำตัวหรือยาที่ต้องรับประทานประจำควรแจ้งแพทย์ก่อนทำทุกครั้ง
  • แพทย์จะพิจารณาให้กินยาห้ามเลือดหรือฉีดยาลดบวมในบางเคส เพื่อลดความเสี่ยงในการบวมช้ำ อักเสบติดเชื้อ

การดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์

  • หลีกเลี่ยงการแตะ แกะ เกาและกดนวดในจุดที่ฉีดฟิลเลอร์ เพราะอาจทำให้เกิดการเคลื่อน (Migration) ของฟิลเลอร์ไปจากบริเวณที่ฉีดได้
  • แนะนำดื่มน้ำมากๆ อย่างน้อยวันละ 6-8 แก้วหรือ 2 ลิตร/วัน โดยเฉพาะช่วง 4-5 วันแรก การดื่มน้ำจะช่วยให้ฟิลเลอร์ที่เป็นสารอุ้มน้ำทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • 2 วันแรกหลังฉีด ควรหลีกเลี่ยงการทาผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ที่มีส่วนประกอบของเอเอสเอ (AHA) บีเอชเอ (BHA) หรือวิตามินเอ (Retinoids) เนื่องจากอาจทำให้เกิดการระคายเคืองกับผิวบริเวณที่ฉีดได้
  • 2 วันแรกหลังฉีด ควรหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากจะทำให้เลือดสูบฉีดมาก อาจทำให้เกิดเลือดออกภายในเกิดรอยเขียวช้ำบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ได้
  • 2 วันแรกหลังฉีด ควรหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ เนื่องจากทำให้แผลหายช้าลงและในกรณีฉีดฟิลเลอร์ที่ปาก ควรหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่หรือใช้หลอดดูดน้ำ เพราะอาจทำให้รูปร่างของปากผิดรูปหลังฉีดได้
  • 2 สัปดาห์หลังฉีด ควรงดการอบไอน้ำ ซาวน่า ทำทรีตเมนต์ หรือทำเลเซอร์ เพราะจะทำให้ฟิลเลอร์สลายตัวเร็วขึ้น
  • หากมีอาการผิดปกติ เช่น ปวด บวมแดงมาก ผิวหนังเปลี่ยนเป็นสีซีดหรือคล้ำขึ้น มีความผิดปกติของการมองเห็น ควรรีบมาพบแพทย์ทันที

ทำไมต้องฉีดฟิลเลอร์กับยองโดคลินิก

  • สวยได้ ไม่ต้องเสี่ยง ฟิลเลอร์จากคลินิกที่ได้มาตรฐาน
  • สวยอย่างมั่นใจ ไม่ต้องกังวลเรื่องผลข้างเคียง
  •  ฟิลเลอร์มี อย. แท้ทุกกล่อง สั่งตรงจากบริษัท
  • แพทย์มีประสบการมีความชำนาญสูง

รีวิวฟิลเลอร์ทั่วใบหน้า

BRANCH & CONTACT

ยองโด คลินิก เรามีสาขามากมายพร้อมให้บริการด้วยแพทย์ผู้มากประสบการณ์และพนักงานคอยให้คำปรึกษาดูแลคุณตั้งแต่ก่อนทำและหลังทำ

สาขา กทม. (อุดมสุข)

เลขที่ 8/8 อาคาร The Oak’s สุขุมวิท 103 อุดมสุข 46 เขตบางนา , Bangkok, Thailand, Bangkok
เปิดบริการ : วันพฤหัสบดี – จันทร์ เวลา 11.00 – 20.00 น.
เปิดบริการ : วันอังคาร – พุธ เวลา 13.00 – 22.00 น.

สาขา ปราจีนบุรี

เลขที่ 410 เมืองเก่า อำเภอกบินทร์บุรี ปราจีนบุรี, Prachin Buri, Thailand, Prachin Buri
เปิดบริการ : วันพฤหัสบดี – อาทิตย์ เวลา 11.00 – 20.30 น.
เปิดบริการ : วันจันทร์ – อังคาร เวลา 11.00 – 19.00 น.