10 วิธีทำให้หน้าเรียว V shape แก้ปัญหาหน้าบาน ลดแก้ม

เชื่อว่าหลายคนอยากมีใบหน้าที่ดูเรียวสวยได้รูปใช่ไหมคะ แต่ก็ต้องเจอกับปัญหาหน้าใหญ่ แก้มเยอะ หรือแนวกรามไม่ชัด จนทำให้รู้สึกไม่มั่นใจ ปัญหาเหล่านี้จริง ๆ แล้วมีสาเหตุที่แตกต่างกันไป บทความนี้ ยองโด คลินิก เลยจะพาไปเข้าใจสาเหตุของปัญหาเหล่านี้ พร้อมแนะนำวิธีทำให้หน้าเรียวแบบง่าย ๆ ที่เราสามารถทำเองได้ รวมถึงเทคนิคช่วยเพิ่มความเป๊ะ ให้เห็นผลชัดขึ้นด้วย ลองมาดูกันดีกว่าว่ามีวิธีไหนที่เหมาะกับเราบ้าง!
สาเหตุของปัญหาหน้าใหญ่ หน้าบาน เกิดจากอะไร
ก่อนจะไปดูวิธีทำให้หน้าเรียว เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่าปัญหานี้เกิดจากอะไรได้บ้าง?
รวม 10 วิธีทำให้หน้าเรียว สวยเป็น V shape
หลังจากที่รู้แล้วว่าปัญหาของเราเกิดจากอะไร ทีนี้เรามาดูวิธีแก้ไขในแต่ละแบบกันบ้างดีกว่าค่ะ
1. นวดหน้ากระตุ้นการไหลเวียน
การนวดหน้าเป็นวิธีง่าย ๆ ที่ทำเองได้ที่บ้านเลยค่ะ การนวดจะช่วยกระตุ้นระบบน้ำเหลืองให้ทำงานดีขึ้น ของเสียกับน้ำส่วนเกินที่คั่งค้างอยู่ก็จะถูกขับออกไป ทำให้หน้าที่ดูบวมลดลงและดูกระชับขึ้นชั่วคราว เหมาะมากถ้านวดตอนเช้าเพื่อช่วยลดอาการบวม แต่อย่าลืมนะคะว่าเป็นเพียงวิธีแก้ไขเฉพาะหน้า ยังไม่ใช่วิธีแก้ที่ถาวรค่ะ
2. ออกกำลังกาย
การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ อย่างวิ่ง ว่ายน้ำ หรือเต้น ช่วยเผาผลาญไขมันทั่วร่างกายได้ดีเลยค่ะ รวมถึงไขมันบนหน้าและเหนียงด้วย แถมยังดีต่อสุขภาพโดยรวมด้วยนะคะ วิธีนี้ต้องใช้เวลาและความสม่ำเสมอหน่อย แต่ถ้าทำได้จริง ๆ รับรองว่าเห็นผลระยะยาวแน่นอน!
3. ปรับการกินลดเค็ม ลดบวม
อาหารที่เรากินส่งผลได้เหมือนกันค่ะ โดยเฉพาะถ้าเรากินเค็มจัด ที่มีโซเดียมสูง พอเรารับโซเดียมเข้าไปเยอะ ๆ ร่างกายจะพยายามเก็บน้ำไว้เพื่อรักษาสมดุล นี่เลยเป็นสาเหตุที่ทำให้เราตื่นมาแล้วรู้สึกหน้าบวมหรือตัวบวมนั่นเองค่ะ ลองลดของเค็มลง แล้วเพิ่มอาหารที่มีโพแทสเซียมสูงอย่างกล้วยหรือผักใบเขียวเข้ามาในเมนูดูนะคะ จะช่วยปรับสมดุลน้ำในร่างกายได้ดีขึ้น
4. เปลี่ยนทรงผม พรางตาให้หน้าดูเล็กลง
นี่เป็นเทคนิคง่าย ๆ ที่ช่วยหลอกตาให้หน้าดูเล็กลงทันทีเลยค่ะ แค่เปลี่ยนทรงผมให้เหมาะกับหน้า เช่น ไว้ผมยาวแบบมีเลเยอร์ไล่ระดับตามกรอบหน้า หรือไว้หน้าม้าปัดข้าง ก็ช่วยสร้างมิติ ทำให้หน้าดูยาวและสมดุลขึ้นมาก ๆ วิธีนี้ง่าย ไม่ต้องเจ็บตัวเลยค่ะ!
5. ใช้เทคนิคแต่งหน้า (Contouring)
การคอนทัวร์หน้าก็คือการเล่นกับแสงและเงาให้หน้าดูมีมิติมากขึ้นค่ะ วิธีง่าย ๆ คือ ใช้เครื่องสำอางสีเข้มกว่าผิวเรา คอนทัวร์แต้มตรงกรอบหน้า, ใต้โหนกแก้ม หรือข้างสันจมูก เพื่อสร้างเงาให้หน้าดูเล็กลง แล้วก็ใช้สีสว่างไฮไลท์ แต้มตรงหน้าผาก, สันจมูก และคาง เพื่อดึงจุดเด่นออกมา เทคนิคนี้เหมาะมากสำหรับวันที่อยากเพิ่มความมั่นใจแบบเร่งด่วน
6. โบท็อกซ์
ถ้าพูดถึงวิธีแก้ปัญหาหน้าบานที่เกิดจากกล้ามเนื้อกรามใหญ่แบบไม่ต้องผ่าตัด โบท็อกซ์ (Botox) ถือเป็นตัวเลือกยอดฮิตและตรงจุดสุด ๆ เพราะกลไกของโบท็อกซ์จะเข้าไปยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อบริเวณกราม ทำให้กล้ามเนื้อไม่หดเกร็งและไม่ถูกใช้งานหนักเหมือนเดิม เมื่อเวลาผ่านไป กล้ามเนื้อกรามก็จะค่อย ๆ เล็กลง ส่งผลให้รูปหน้าดูเรียวขึ้น และได้ทรง V-shape ที่หลายคนต้องการ
โดยทั่วไป หลังฉีดโบท็อกซ์จะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงในช่วงประมาณ 2-4 สัปดาห์ และผลลัพธ์จะอยู่ได้ราว 4-6 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพกล้ามเนื้อและพฤติกรรมการใช้งาน เช่น เคี้ยวอาหารแข็งหรือเคี้ยวหมากฝรั่งบ่อย ๆ อาจทำให้ผลอยู่สั้นลง ข้อดีอีกอย่างคือวิธีนี้สะดวกมาก ใช้เวลาไม่นาน, เจ็บน้อย และไม่ต้องพักฟื้นนาน เหมาะสำหรับคนที่อยากปรับรูปหน้าให้ดูเล็กลงอย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องเจ็บตัวจากการผ่าตัดค่ะ
7. เมโสแฟต
เมโสแฟตเป็นวิธีที่หลายคนเลือกใช้เมื่ออยากลดไขมันส่วนเกินบนใบหน้าแบบไม่ต้องผ่าตัด เหมาะมากสำหรับคนที่มีปัญหาหน้าใหญ่จากไขมันสะสมเฉพาะจุด เช่น แก้มป่อง, เหนียงเยอะ หรือกรอบหน้าไม่ชัด โดยหลักการคือจะใช้ตัวยาเมโสแฟตฉีดเข้าไปใต้ผิวหนังบริเวณที่มีไขมัน เพื่อกระตุ้นให้เซลล์ไขมันแตกตัวและถูกขับออกทางระบบเผาผลาญของร่างกายตามธรรมชาติ ทำให้สัดส่วนบริเวณนั้นค่อย ๆ ลดลง
ที่ ยองโด คลินิก จะมีโปรแกรมยอดฮิต เช่น แฟต Bromi หรือแฟตน้ำแดง ซึ่งออกแบบมาเพื่อลดไขมันแก้มและเหนียงโดยเฉพาะ ช่วยให้หน้าดูเรียว, กรอบหน้าคมขึ้น และเหมาะสำหรับคนที่อยากได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ หลังทำอาจมีบวมเล็กน้อย 1-3 วัน และส่วนใหญ่จะเห็นความเปลี่ยนแปลงชัดเจนเมื่อทำต่อเนื่องประมาณ 3-5 ครั้ง ขึ้นอยู่กับปริมาณไขมันของแต่ละคนด้วยค่ะ
8. Hifu / Ulthera ยกกระชับผิว
สำหรับใครที่เริ่มรู้สึกว่าหน้าดูหย่อนคล้อย กรอบหน้าไม่คมเหมือนเดิม หรือเริ่มมีริ้วรอยตามวัย เทคโนโลยียกกระชับผิวอย่าง Hifu และ Ulthera ถือว่าเป็นตัวช่วยที่ตอบโจทย์มาก ๆ เลยค่ะ เพราะทั้งสองอย่างนี้ใช้พลังงานคลื่นอัลตราซาวนด์ความเข้มข้นสูงส่งลงไปถึงชั้นผิวลึก (SMAS Layer) ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับที่ศัลยแพทย์ดึงหน้าใช้ผ่าตัด เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่
ผลลัพธ์ที่ได้คือผิวที่ค่อย ๆ ตึงขึ้น กรอบหน้าชัดขึ้น และใบหน้าดูยกกระชับอย่างเป็นธรรมชาติ โดยข้อดีคือไม่ต้องเจ็บตัว ไม่ต้องพักฟื้น หลังทำสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติเลย เหมาะมากสำหรับคนที่อยากยกหน้าแต่ไม่พร้อมผ่าตัด ผลจะค่อย ๆ ดีขึ้นในช่วง 2-3 เดือนหลังทำ แต่ถ้าดูแลต่อเนื่องก็ช่วยชะลอความหย่อนคล้อยไปได้อีกนานเลยค่ะ
9. ร้อยไหม
การร้อยไหมเป็นเทคนิคยอดฮิตสำหรับคนที่อยากยกกระชับและปรับรูปหน้าให้ดูเรียวสวยขึ้นทันตา วิธีนี้ใช้ไหมละลายชนิดพิเศษที่มีเงี่ยงเล็ก ๆ สอดเข้าไปใต้ผิวหนัง เพื่อเกี่ยวและดึงผิวที่หย่อนคล้อยให้ยกขึ้น เหมาะมากสำหรับคนที่มีปัญหาแก้มห้อย กรอบหน้าไม่ชัด หรือผิวเริ่มหย่อนเพราะอายุเพิ่มขึ้น
ข้อดีของการร้อยไหมคือ เห็นผลยกกระชับได้เลยหลังทำ และไม่ต้องพักฟื้นนาน อีกทั้งไหมละลายยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวแน่นขึ้น, รูขุมขนกระชับ และดูสุขภาพดีขึ้นเรื่อย ๆ ในระยะยาว
เทคนิคนี้มักใช้เวลาทำไม่นาน (ประมาณ 30-60 นาที) หลังทำอาจมีรอยบวมช้ำเล็กน้อยแต่จะค่อย ๆ หายไปในไม่กี่วัน เหมาะกับคนที่ต้องการยกกระชับโดยไม่ต้องผ่าตัด และคนที่อยากกระตุ้นคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวช่วยให้ผิวสุขภาพดีแบบยาว ๆ เลยค่ะ
10. ฉีดฟิลเลอร์คางให้หน้าเรียวยาวขึ้น
วิธีนี้อาจฟังดูแปลกสำหรับบางคน แต่จริง ๆ แล้วเป็นเทคนิคยอดฮิตของคนที่อยากได้รูปหน้าแบบ V-shape เลยนะคะ เพราะการฉีดฟิลเลอร์ที่คางสามารถช่วยปรับโครงหน้าได้ทันที เหมาะมากสำหรับคนที่มีคางสั้น, คางตัด หรือคางถอย ซึ่งทำให้ใบหน้าดูไม่สมส่วน ฟิลเลอร์จะช่วยเพิ่มความยาวและปรับองศาของคางให้รับกับกรอบหน้า พอคางได้รูปแล้ว ช่วงกรามกับคางจะดูกลมกลืน ทำให้หน้าเรียวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
นอกจากนี้ ข้อดีคือทำแล้วเห็นผลได้เร็วหลังฉีด ไม่ต้องรอนาน และไม่ต้องพักฟื้นนานเหมือนการผ่าตัดเสริมคาง แถมยังสามารถปรับปริมาณฟิลเลอร์และทรงคางได้ตามความต้องการ เรียกว่าเป็นวิธีที่ทั้งรวดเร็วและเหมาะกับคนที่อยากหน้าเรียวขึ้นแบบไม่ต้องเจ็บตัวเยอะเลยค่ะ
อยากหน้าเรียว เลือกทำแบบไหนดี?
การเลือกวิธีทำหน้าเรียวให้เหมาะกับตัวเอง สิ่งสำคัญคือต้องรู้ก่อนว่าปัญหาที่ทำให้หน้าเราดูไม่เรียวมาจากอะไร เพื่อที่จะเลือกวิธีแก้ให้ตรงจุดที่สุด ซึ่งสามารถสังเกตได้จากสาเหตุหลัก ๆ ดังนี้
แต่ไม่ว่าจะเข้าข่ายข้อไหน การเข้ามาให้คุณหมอประเมินโดยตรงถือเป็นขั้นตอนสำคัญที่สุดค่ะ เพราะคุณหมอจะช่วยวิเคราะห์ว่าใบหน้าของเราควรใช้วิธีใด หรือควรผสมผสานหลายเทคนิคเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและเป็นธรรมชาติที่สุด
สรุป
วิธีทำให้หน้าเรียวมีให้เลือกหลากหลายมากเลยค่ะ ตั้งแต่วิธีง่าย ๆ ที่เราดูแลตัวเองได้ เช่น ปรับพฤติกรรมการกิน, ออกกำลังกาย หรือใช้เทคนิคการแต่งหน้าและทำผมช่วยปรับลุค ไปจนถึงการเลือกใช้เทคโนโลยีและหัตถการทางการแพทย์ที่ให้ผลลัพธ์ชัดเจนและรวดเร็ว เช่น โบท็อกซ์, เมโสแฟต, ร้อยไหม หรือ Hifu ยกกระชับ
ที่ ยองโด คลินิก เราเข้าใจดีว่าแต่ละคนมีปัญหาและโครงสร้างใบหน้าที่ต่างกันออกไป คุณหมอของเราพร้อมให้คำปรึกษาอย่างละเอียด วิเคราะห์ปัญหาอย่างตรงจุด และแนะนำวิธีที่เหมาะสมที่สุดให้แบบเฉพาะตัวเลยค่ะ ถ้าอยากปรับรูปหน้าให้ดูเรียวขึ้นอย่างปลอดภัยและมั่นใจ ติดต่อเราได้เลยนะคะ!